7 ศัลยกรรมหน้าเรียว ปรับหน้าบานหน้ากลม ปั้นวีเชฟให้สวยคม สะดุดตา

[row padding=”30px 30px 30px 30px”] [col span__sm=”12″ align=”center”] [ux_text text_align=”left”]

เมื่อพูดถึงศัลยกรรมหน้าเรียว หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยนึกถึง เพราะต้องใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนาน มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ด้วยนวัตกรรมความงาม ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การผ่าตัดหน้าเรียวในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะช่วยปรับรูปลักษณ์ เสริมความมั่นใจ และยังช่วยเพิ่มโอกาสที่ดีในชีวิตได้อีกด้วย 

ศัลยกรรมหน้าเรียว ทางออกของคนหน้าบาน หน้ากลม

ศัลยกรรมปรับรูปหน้า (Facial Contouring Surgery) มีด้วยกันหลายชนิด ทำได้หลายส่วน เช่น โหนกแก้ม, กราม, คาง ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อปรับให้ใบหน้าเรียวขึ้น ดูละมุนขึ้น บางคนเรียกว่าหน้าวีเชฟ (V-shaped) หรือทำวีไลน์หน้า (V-Line) สไตล์เกาหลี ที่โครงหน้าจะเป็นรูปไข่ มีปลายคางแหลมคล้ายอักษร V ซึ่งถ้าทำการผ่าตัด ส่วนใหญ่จะได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ มีรูปหน้าเรียวถาวรได้ตามต้องการ

หน้าบาน หน้ากลมมาก เป็นเพราะอะไร ?

[/ux_text] [ux_image id=”2196″ image_size=”original” width=”40″] [ux_text text_align=”left”]

กระดูกใหญ่

คนที่มีกระดูกแก้ม (Zygoma) กว้าง มีกระดูกกราม (Mandible) ใหญ่ จะทำให้หน้าดูบาน หน้ากาง หรือหน้ากลมกว่าปกติ ถึงจะพยายามลดน้ำหนัก, นวดหน้า, ร้อยไหม หรือฉีดสารใด ๆ ก็ไม่มีทางแก้ปัญหานี้ได้ ถ้าไม่ได้ศัลยกรรมหน้าเรียว ด้วยการทุบโหนกแก้ม หรือเหลากราม

กล้ามเนื้อแน่น

กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานบ่อย ย่อมถูกพัฒนาจนมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น และมองเห็นได้ชัดเจน เหมือนกล้ามเนื้อน่องของนักวิ่ง ช่วงหัวไหล่ของนักกีฬาว่ายน้ำ กล้ามเนื้อกรามก็เช่นกัน ถ้าใครที่ชอบรับประทานอาหาร ที่เหนียวหรือแข็งมาก ร่างกายต้องออกแรงขบ, กัด, เคี้ยวเยอะเป็นประจำ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อช่วงกรามใหญ่ขึ้น จนใบหน้าดูกว้างขึ้นได้

ไขมันหนา

ไขมันบนใบหน้าของแต่ละคน มาจากกรรมพันธุ์ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเป็นเรื่องของไขมันสะสม ที่เกิดจากอาหาร ยิ่งคนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงอย่างของทอด, ของมัน, ของหวาน แคลอรียิ่งเกินได้ง่าย ซึ่งส่วนเกินเหล่านั้น จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและใบหน้า ทำให้หน้ากลม และบานขึ้นได้แน่นอน  

ผิวหนังหย่อนคล้อย

คนที่อายุมากขึ้น หรือคนที่สัมผัสปัจจัยที่ทำร้ายผิวเป็นประจำ จะทำให้คอลลาเจน, อีลาสติน, ไฮยาลูรอน และโครงสร้างผิวหนังเสื่อมสภาพ ผิวหนังหย่อนคล้อย เกิดแก้มห้อยแก้มย้อย ทำให้ความคมชัดของกรอบหน้าลดลง จนทำให้ดูเหมือนหน้ากลม หน้าบานได้เช่นกัน ซึ่งการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้า จะช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้

7 ศัลยกรรมหน้าเรียว จัดวีไลน์ให้กรอบหน้าสวยคม

[/ux_text] [ux_image id=”2197″ width=”40″] [ux_text text_align=”left”]

1. ผ่าตัดขากรรไกร (Jaw Reduction Surgery)

การผ่าตัดลดกระดูกกรามเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับคนหน้ากลม หน้ากว้างจากโครงกระดูกเป็นหลัก ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยให้มีหน้าเรียวถาวร สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับรูปทรงกระดูกของแต่ละคน บางรายอาจแค่ลบเหลี่ยมกราม ตัดกระดูกบางส่วนทิ้ง แต่รายที่กรามยื่นมาข้างหน้า อาจต้องทำการเลื่อนตำแหน่งกระดูกเพิ่ม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ (Malocclusion) ได้ด้วย แต่อาจทำให้หน้าบวมนาน ดื่มได้แต่น้ำ หรือต้องทานแต่ของเหลวนานเป็นเดือน

2. ผ่าตัดเสริมคาง (Augmentation Genioplasty)

การทำศัลยกรรมหน้าเรียว ด้วยการเสริมคาง จะช่วยยืดใบหน้ากลมให้ยาวเพิ่มขึ้น ดูใกล้เคียงวีเชฟมากขึ้น โดยการผ่าตัดจะเปิดแผลในช่องปาก ใกล้กับริมฝีปากล่าง ซึ่งอาจต้องมีการปรับแต่งกระดูกเล็กน้อย จากนั้นใส่วัสดุเสริมคางอย่างซิลิโคน, PTFE, PMMA  หรือบางคนอาจใช้กระดูกตัวเองเสริม ซึ่งหากเป็นคนที่กระดูกกรามใหญ่ร่วมกับคางสั้น จะนิยมทำศัลยกรรมเสริมคาง ร่วมกับผ่าตัดขากรรไกร เพราะจะช่วยเสริมวีไลน์ให้ชัดเจนขึ้น หน้าดูละมุนขึ้น เจ็บครั้งเดียวแต่สวยครบ จบแบบถาวร

3. ผ่าตัดลดโหนกแก้ม (Reduction Malarplasty)

[/ux_text] [ux_image id=”2198″ width=”40″] [ux_text text_align=”left”]

ที่มา : plasticsurgerykey.com

[/ux_text] [ux_text text_align=”left”]

การผ่าตัดยุบโหนกแก้ม เหมาะสำหรับคนโหนกแก้มสูง ที่ยื่นออกทางด้านข้าง, ด้านหน้า หรือทั้งสองทางร่วมกัน แพทย์อาจเปิดแผลผ่าตัดในปาก, หน้าหู หรือที่หนังศีรษะ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน ซึ่งการผ่าตัดหน้าเรียวถาวรชนิดนี้ ทำได้หลายรูปแบบ ทั้งการเหลา, ตัดออก, ตัดแล้วต่อที่ตำแหน่งใหม่ แก้ปัญหาหน้าบาน หน้ากลมได้ตลอดชีวิต แต่อาจทำให้หน้าบวมช้ำ แผลบวมนานเป็นเดือนได้เลย

4. ดูดไขมันกรอบหน้า (Facial Liposuction)

คนที่มีปัญหาคางสองชั้น คางมีเหนียง จนทำให้ดูเหมือนหน้ากลม หน้าเบลอ ไม่มีวีไลน์ การดูดไขมันกรอบหน้า ดูดไขมันเหนียง ใต้คาง จะช่วยให้เห็นโครงหน้าชัดเจนขึ้น ยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดยอาจมีแผลผ่าตัดขนาด 1 – 2 เซนติเมตร ประมาณ 2 – 4 ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เลือกทำ ซึ่งควรเผื่อเวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ แต่แผลบวมแดง รอยบวมช้ำ อาจอยู่ได้นาน 10 – 14 วันหลังจากดูดไขมันแล้ว

5. ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal)

[/ux_text] [ux_image id=”2199″ width=”40″] [ux_text text_align=”left”]

ที่มา : internationalaesthetic.net

[/ux_text] [ux_text text_align=”left”]

การทำศัลยกรรมหน้าเรียววิธีนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้ากลม จากแก้มห้อย แก้มย้อย หรือแก้มป่อง ที่มักเกิดจากไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Pad) ซึ่งการผ่าตัดจะเปิดแผลด้านในช่องปาก ใช้เวลาเพียง 30 – 60 นาที แต่ช่วยให้หน้าเรียวถาวร ปรับให้ช่วงคางดูละมุน เป็นวีเชฟมากขึ้น โดยต้องใช้ผ้ารัดใบหน้าหลังทำ เพื่อรอให้หน้าบวมช้ำลดลง ร่วมกับทานอาหารอ่อนในช่วงสัปดาห์แรก ซึ่งการเลือกดื่มน้ำสมุนไพรลดบวมอักเสบ จะเร่งให้หน้ายุบบวมเร็วขึ้น ทั้งยังดื่มง่าย คล่องคอ โดยไม่ต้องรบกวนแผลผ่าตัดอีกด้วย

6. ร้อยไหมหน้าเรียว (Thread Lift)

การร้อยไหม เป็นวิธีการยกกระชับหน้า จัดกรอบหน้าวีเชฟ ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะทำได้ที่คลินิก ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน บางรายสามารถทำงานต่อได้เลย โดยหน้าจะค่อย ๆ เรียวขึ้น เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 4 – 7 วัน หลังจากที่เนื้อเยื่อเริ่มยุบบวมแล้ว และหน้าจะเรียวขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากผ่านไป 1 เดือน แต่ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานเพียง 6 – 12 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีดูแลตัวเอง หลังจากร้อยไหมหน้าเรียวด้วย

7. ฉีดโบท็อกซ์ (Botox Injection)

โบท็อกซ์ เป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาท ที่ปลายประสาทในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวไม่ได้ จึงค่อย ๆ คลายตัวและนิ่มขึ้น เป็นหนึ่งในทางเลือก ของการทำศัลยกรรมหน้าเรียวที่ได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถทำได้ที่คลินิก, ใช้เวลาไม่นาน, ราคาไม่สูง โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน

ลดบวมหลังผ่าตัด ด้วยสมุนไพรลดบวมอักเสบ BAIJAI

[/ux_text] [ux_image id=”2200″ width=”60″] [ux_text text_align=”left”]

หลังการทำศัลยกรรมหน้าเรียว เพื่อแก้ปัญหาหน้าบานหน้ากลม หลายคนมักมีอาการหน้าบวมช้ำหลังศัลยกรรม แผลบวมแดง อักเสบนานเป็นเดือน ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ็บแผล, นอนไม่ได้, ทำงานไม่ได้ และสูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังทำให้รับประทานอาหารได้ลำบากอีกด้วย ซึ่งการดื่มน้ำสมุนไพรลดบวมอักเสบ อย่างน้ำใบบัวบกและน้ำฟักทอง BAIJAI จะช่วยดูแลปัญหานี้ได้อย่างครอบคลุม เพราะน้ำสมุนไพรใบใจ ดื่มง่าย รสชาติดี ไม่ทำให้ระคายเคืองแผลในช่องปาก ทั้งยังมีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยลดบวมช้ำหลังผ่าตัด, ลดอักเสบ, เร่งสมานแผล และยังช่วยฟื้นฟูผิวที่บอบช้ำ หลังจากทำศัลยกรรมได้อย่างดี

[/ux_text] [ux_text text_align=”left”]

สรุป

[/ux_text] [ux_image id=”1973″ width=”80″] [ux_text text_align=”left”]

ศัลยกรรมหน้าเรียว จะช่วยจัดกรอบหน้าให้เป็นวีเชฟ ดูละมุน ดูอ่อนโยนมากขึ้น สามารถทำได้ทั้งผ่าตัดลดกระดูกโหนกแก้ม, ผ่าตัดกระดูกขากรรไกร, ผ่าตัดเสริมคาง, ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม, ดูดไขมันกรอบหน้า, ร้อยไหม, ฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งแต่ละวิธีจะตอบโจทย์ปัญหาที่ต่างกัน แต่หลังจากทำศัลยกรรมแล้ว หลายคนมักมีปัญหาไม่ต่างกัน คือหน้าบวมช้ำนาน อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งนอกจากดูแลตัวเองหลังศัลยกรรม ตามที่แพทย์แนะนำแล้ว การเสริมด้วยสมุนไพรลดบวมอักเสบใบใจ จะช่วยลดแผลบวมช้ำ ลดอักเสบ และเร่งสมานแผลให้เร็วขึ้น เผยใบหน้าใหม่ ได้สวยทันใจ ไม่ต้องทรมานนานเป็นเดือน

[/ux_text] [/col] [/row] [row col_bg=”rgb(236, 236, 236)” padding=”30px 30px 30px 30px”] [col span__sm=”12″]

อ้างอิงจาก

[1]   Keyhan SO, Fattahi T, Bagheri SC, Bohluli B, Amirzade – Iranaq MH. Integrated Procedures in Facial Cosmetic Surgery. Cham : Springer Nature Switzerland AG; 2021.

[2]   Janis JE. Essentials of Aesthetic Surgery. New York: Thieme Medical; 2018

[3]   Thorne CH, Chung KC, Gosain AK, Gurtner GC, Mehrara BJ, Rubin JP, et al. Grabb and Smith’s Plastic Surgery. 7^th ed. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins, a Wolters Kluwer; 2014

[4]   Kim YH, Cho BC, Lo LJ. Facial contouring surgery for asians. Semin Plast Surg. 2009 Feb;23(1):22-31. doi: 10.1055/s-0028-1110098. PMID: 20567722; PMCID: PMC288489

[5]   Breslow GD. Facial Contouring Surgery: Techniques, Recovery, and Costs [Internet] Florida: Next Health Media; 2017 [cited 2022 Feb 13]. Available from: https://www.zwivel.com

[6]   Procedure Learning Center [Internet]. Indiana: American Board of Cosmetic Surgery; [cited 2022 Feb 13]. Available from: https://www.americanboardcosmeticsurgery.org

[/col] [/row]